เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคู่ที่ครองรักเคียงคู่กันมาอย่างยาวนาน สำหรับ “ซี ศิวัฒน์” และ “เอมี่ กลิ่นประทุม” ซึ่งแม้จะผ่านไป 19 ปีแล้ว แต่ทั้งคู่ยังต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่ โดย ซีและเอมี่ ได้ควงแขนกันมาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงความแตกต่าง การปรับตัว และความรู้สึกหลังจากสูญเสีย “อ๋อม อรรคพันธ์”เอมี่ เผยว่า “ปีนี้ครบรอบที่แต่งงาน Anniversary 10 ปี อยู่ด้วยกันในวันแรกกับวันนี้ แน่นอนว่าเราเปลี่ยนทุกวินาที อย่างที่พี่วู้ดดี้เจอเอมี่ก็ไม่ค่อยอยู่กับซีนะ จะเป็นแบบฉันก็มีเหตุผลของฉัน เธอก็มีเหตุผลของเธอ แล้วเราก็ใช้ชีวิตมาแบบนี้ รู้สึกว่าทางนี้คือดีกว่า แต่พอไปๆ มาๆ มันกลับกลายเป็นเติมเต็มซึ่งกันและกันโดยที่มันแปลกๆ โดยที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนฉันได้แน่นอน แต่พอคบกันทำไมฉันยอมฟังเธอ ทำไมเธอยอมฟังฉันคือเราโตมาแบบคนเอาใจ ผิดถูกยังไงเธอก็ต้องง้อฉัน เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากๆ แล้วคนนี้เขาไม่ตามเรา ทำให้เรามองย้อนดูตัวเอง เลยคิดว่าคนนี้น่าสนใจ ท้าทาย ที่ทำให้ตัวเราอยากปรับปรุงตัวเอง ทั้งๆ ที่อยู่มาบนโลกใบนี้ไม่เคยอยากปรับปรุงตัวเองเลย ปรับการยอม ปกติไม่เคยยอมรู้สึกว่าเราถูกเสมอ ถ้าเธอรักฉันเธอต้องเข้าใจฉัน เขาทำให้เรายอมเข้าไปจับมือแล้วขอโทษคนแรก ก็แปลกประหลาดมาก การขอโทษคือเหมือนเป็นการเสียศักดิ์ศรีมาก แล้วเราได้คุยกัน แล้วได้ฟังอีกฝ่ายว่าเขารู้สึกยังไง ทำให้เราโตขึ้น ตั้งแต่ใช้ชีวิตมารู้สึกว่าเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่ตอนคบกับเขา”

ซี เผยว่า “คบกับมา 9 ปี แล้วก็ Anniversary 10 ปี รวมกันเป็น 19 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะทนกันได้นานขนาดนี้ มีตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่คบกันเลย ไม่เข้ากันเลย ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่เข้ากันสักอย่าง อย่างที่ผมเคยพูดไว้ว่าไม่ทราบว่าคู่อื่นเป็นยังไง คู่อื่นอาจจะมีช่วง Puppy Love เป็นช่วงมีความสุข เราก็เป็นแบบนั้นแต่สั้นมาก เพราะว่าเราสองคนเกิดมาที่เป็นผู้นำทั้งคู่ เอมี่ ก็จะเลี้ยงน้องดูแลครอบครัวมา ผมก็มีความเป็นผู้นำ มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เมื่อสองคนมาเจอกันมันเหมือนเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะมีความเป็นตัวเอง 100% มันจึงขัดแย้งกันอย่างมหาศาล เหมือนเรามีวิวัฒนาการทางด้านความคิดโดยเฉพาะบริบทของความรัก มันเปลี่ยนแปลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ช่วงแรกคือคน 2 คนที่ชอบกัน แต่นิสัยเป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลย เมื่อก่อนคือไม่ใช่เลยแล้วไม่คิดว่าจะมาเติมเต็ม คือมันล้นแก้วเรามาก ด่ากันตลอดเวลา อยู่ๆ วันหนึ่งเรากลับไปฟังอีกฝ่ายหนึ่งโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว เขาและผมไม่ใช่สเปกของกันและกันตั้งแต่แรก ซึ่งคิดว่าไม่น่ารอดแต่ด้วยอะไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งเราทะเลาะกันช่วงปีแรกหรือว่าเราจะหยุดกันแค่นี้ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เพราะผมรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว พอเดินเข้าไปในบ้านเขาก็เดินมาจับมือว่า เฮ้ย! หรือว่าอีกสักฮึบไหม ถามว่าคุยเรื่องเซ็กซ์ไหม เขาไม่เคยพูดเลย คือถ้าคุยจริงจังไม่มี แต่คุยออกโซเชียลมีเดียแบบตลกมีพูด ในช่วงเวลานี้เอมี่เขาจะเป็นช่วงที่โฟกัสหนักมาก ผมจะไม่กดดัน แต่ก็มีอำแกล้งในโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าเขาไม่ก็คือไม่ ก็จะเข้าใจเขา เพราะผมจะให้เกียรติเขามากในเรื่องนี้ ผมจะเข้าใจว่าบางทีที่เขาจะต้องโฟกัสอะไรก็แบบเหนื่อยแล้ว ซึ่งเขาก็มีบอกวิธีการนะ ว่าให้ผมคลุกวงในไปเลยไม่ต้องมาขออนุญาต แต่ก็มีนะถ้าเกิดผมไม่ไหวจริงๆ ผมก็ไม่แคร์นะ”