เจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวแก๊ง “ทางเดินเสือ” บุกทลายซุ้มโจรเบอร์ 1 แห่งหนองจอก รวบ 3 เสือแก๊ง “ทางเดินเสือ”จำนวน 6 ราย ดังนี้
1.นายณัฐวุฒิ หรือไอ้เสือ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1352/2566 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ และร่วมกันลักทรัพย์” ประวัติการก่อคดีมาอย่างโชกโชน พ.ศ.2563 มีคดี “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ” , พ.ศ. 2564 มีคดี “ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ” , พ.ศ.2564 มีคดี “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ” , พ.ศ.2566 ก่อเหตุ “ร่วมกันพยายามฆ่า , ร่วมกันลักทรัพย์” (ตามหมายจับ) หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
2.นายนว หรือเสือเก๋า อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค. 67 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ” พบเบาะแสว่าเคยร่วมกับ นายอารักษ์ฯ (กี้) ก่อคดี ปล้น-ฆ่า-ฉ้อโกง-อาวุธปืน มาหลายคดีและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
3.นายอารักษ์ หรือเสือกี้ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค. 67 ข้อหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ” พบเบาะแสว่าเคยร่วมกับ นายนวฯ (เก๋า) ก่อคดี ปล้น-ฆ่า-ฉ้อโกง-อาวุธปืน มาหลายคดีและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
4.นายบูรพา หรือภู อายุ 20 ปี
5.น.ส.ปริษา หรือสา อายุ 19 ปี
6.น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี
โดยทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตรวจยึดของกลาง ปืนเถื่อนจำนวน 9 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดยจับกุมและตรวจค้นที่ บ้านพัก ซ.เลียบวารี 11 ถ.เลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก จ.กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือ “ทางเดินเสือ” ซุ้มโจรชั่วอันดับ 1 แห่งหนองจอก เป็นที่หวาดผวาและสุดจะเอือมระอาของประชาชนในพื้นที่ละแวกชาญเมือง บก.น.3 โดยวีรกรรมของโจรชั่วซุ้มนี้เรียกว่านรกส่งมาเกิดโดยแท้จริง ตระเวนก่อเหตุ ปล้น-ฆ่า-ค้ายา-ค้าอาวุธ จนเป็นที่หมายหัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
แต่เจ้าตัวสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แล้วยังมีการฝากจดหมายน้อยมาเยอะเย้ยตำรวจว่า “จับผมไม่ได้หรอก” เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ปราบแก๊งนี้ให้สิ้นชื่อในทันที แต่งานนี้ไม่ง่ายเพราะมีเพียงเบาะแสเบาบางว่าแก๊งนี้กบดานอยู่ในละแวกหนองจอกเท่านั้น
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ถอดบทเรียนถึงรูปแบบการหลบหนีของแก๊งนี้ ที่แคล้วคลาดได้ทุกคราจนตกผลึกเป็นแผน “ดักหน้า….ไม่วิ่งตาม” ซึ่งจากวงรอบการก่อเหตุ ภูมิศาสตร์ และเบาะแสจากสายข่าวล่าสุดว่าเห็นพลพรรคซุ้มโจรนี้ซุ่มอยู่ละแวก ร้านสะดวกซื้อ ย่านถนนเรียบวารี ทำให้เกิดการวิเคราะห์ว่า “ต้องมีการปล้นเกิดขึ้นแน่” ส่งชุดสืบสวนพิเศษลงพื้นที่เฝ้าละแวกที่น่าจะมีการปล้นเกิดขึ้นกว่า 36 ชั่วโมงที่ชุดสืบสวนกินนอนและเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่บนรถ
จนกระทั่งวันที่ 8 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 03.30 น. ชุดสืบสวนเห็นรถต้องสงสัยมาจอดซุ่มและมีการปล่อยคนลงไปดูลาดเลาในร้านสะดวกซื้อ สัญชาตญาณหมาล่าเนื้อ “มั่นใจ” มันคือคนร้าย
- สารวัตรแจ๊ะนำทีมบุกจับกุม
สารวัตรแจ๊ะนำกำลังเข้ารวบตัว 2 เสือ ลูกสมุนของหัวหน้าแก๊งไว้ได้ ก่อนจะนำตัวบุกไปเข้าค้นเซฟเฮ้าส์ลับที่ “ไอ้เสือ” หัวหน้าแก๊งกบดานอยู่ โดยเมื่อชุดสืบสวนไปถึง ไอ้เสือไหวตัวทัน กระโดดปีนกำแพงหลังบ้านหนีชุดสืบสวนเข้าไปในป่ากบ แต่เจ้าหน้าที่ไหวตัวทันไล่ล่าไปอย่างกระชั้นชิด สุดท้ายไอ้เสือหนีไม่รอดเพราะได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดปีนกำแพงทำให้แขนหัก (เดิมหักอยู่แล้วกำลังรักษา) ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด และจากการตรวจค้นในเซฟเฮ้าส์พบปืนเถื่อน 10 กระบอก โดยชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัวคนร้ายในเซฟเฮ้าส์ได้ทั้งสิ้น 6 ราย
หลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งการขยายผลถึงที่สุด จนชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า แก๊งนี้เรียกได้ว่า เป็นพ่อค้าอาวุธปืนรายใหญ่ในย่านหนองจอก พบประวัติการขายอาวุธปืนเถื่อนแล้วกว่า 2,000 กระบอก ด้วยวิธีการสุดระยำ โดยการ “ตบ” หรือ “ยึดปืน” เอามาจากเด็กวัยรุ่นในย่านดังกล่าว เอามาสะสมรวมกันในคลังแสง ก่อนจะประกาศขายทางช่องทางออนไลน์ โดยจะขายในราคากระบอกละตั้งแต่ 10,000 – 20,000 บาท ซ้ำแล้วความชั่วยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อได้หลงเข้ามาสั่งซื้อปืนจากแก๊งนี้
ซึ่งได้วางกลอุบายไว้เป็นแบบแผน โดยจะนัดลูกค้าให้มารับของด้วยตนเอง แต่เมื่อลูกค้ามาถึงจุดนัดหมาย ตรวจสอบสินค้าแล้วโอนเงินให้ตามที่ได้ตกลงไว้ แก๊งระยำนี้กลับได้ยกพวกกว่า 10 คน รุมล้อมและใช้อาวุธปืนจี้ ปล้นทั้งเงินและทั้งปืนกลับไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 20 ราย
ในชั้นจับกุม นายนว และนายอารักษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเสือ หัวหน้าแก๊ง ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับนายเก๋าฯ หัวโจกและนายกี้ฯ มาตั้งแต่สมัยวัยเด็กชั้นประถม ก่อนจะได้แยกย้ายกันไปและโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อทุกคนอายุได้ประมาณ 17 ปี ซึ่งในขณะนั้น พวกของตนได้เริ่มเกเรและมักจะมีเรื่องกับกลุ่มคู่อริต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
ทำให้เริ่มสนใจการเก็บสะสมอาวุธปืนในลักษณะที่เป็นปืนไทยประดิษฐ์ จนเมื่อประมาณต้นปี 2566 นายเก๋าฯ ได้เคยสั่งซื้ออาวุธปืนจากทางออนไลน์ และกำลังจะเดินทางไปรับพัสดุที่ได้สั่งซื้อไว้ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมกับของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 1 กระบอก ทำให้ต้องโทษคดีเป็นครั้งแรก และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำประมาณ 10 วัน ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดีจนถึงปัจจุบัน
หลังจากนายเก๋าฯ ได้ประกันตัวออกมานั้น ได้กลับมารวมกลุ่มกันตั้งแก๊ง “ทางเดินเสือ” โดยมีนายเสือฯ เป็นหัวโจก และได้เริ่มสะสมอาวุธปืนมากขึ้น โดยจะสั่งซื้อจากทางออนไลน์ในราคากระบอกละ 500 – 2,000 บาท และบางครั้งก็จะใช้วิธีการ “ตบ” หรือยึดปืนเอาจากคนอื่นมาเป็นของตน จากนั้นจึงได้เริ่มขายอาวุธปืนทางออนไลน์ ผ่านช่องทางเฟสบุ๊ค และ ไลน์ โดยจะขายในราคาประมาณกระบอกละ 5,000 – 20,000 บาท
โดยในช่วงพีคตนเองกับพวกเคยมีรายได้จากการขายปืนมากสุด เดือนละประมาณ 20,000 บาทต่อคน ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้วันนี้ เป็นปืนของสะสมของนายเสือฯ นายเก๋า และนายกี้ฯ ส่วนอาวุธปืนที่ได้แพ็คใส่กล่องพัสดุเรียบร้อยแล้วนั้น นายเก๋าฯ กับนายกี้ฯ เตรียมจะไปส่งขายในราคา 5,000 บาท แต่ลูกค้ายังไม่ได้โอนเงินจึงยังไม่ได้นำไปส่ง ก่อนจะได้มาถูกจับกุมในวันนี้
ส่วน นายณัฐวุฒิ หรือ เสือฯ ยังปากแข็ง เลือกตัดขาดโยนความผิดให้เพื่อนรับเต็มๆ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เช่นเดียวกันกับ ผู้ถูกจับอีก 3 คน ที่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นใดในการค้าขายอาวุธปืนเถื่อนมาก่อน หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย