เวลา 15.00 น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมพระสงฆ์ และข้าราชการตำรวจทางหลวงซึ่งมีความสนิทสนมทำงานใกล้ชิดกับสารวัตรแบงค์ เข้ามาทำพิธีเรียกขวัญเชิญวิญญาณ ของสารวัตรแบงค์ และผู้กำกับเบิ้ล ออกจากพื้นที่เกิดเหตุ บ้านกำนันนก
เปิดคำพูด สารวัตรแบงค์ ที่พูดกับ กำนันนก เป็นฟางเส้นสุดท้าย ก่อนโดนลั่นไก
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ กล่าวว่า แม้ว่าสารวัตรแบงค์และผู้กำกับเบิ้ม จะไม่ได้เสียชีวิต ในบ้านกำนันนก แต่ จุดเริ่มต้น ของการสูญเสีย ตำรวจน้ำดี ทั้ง 2 ราย เกิดขึ้นที่บ้านกำนันนก และ การสูญเสียตำรวจทั้ง 2 นายไป ส่งผลกระทบ ต่อสภาพจิตใจ และ ขวัญกำลังใจของ ตำรวจทางหลวง เป็นอย่างมาก ดังนั้นการทำพิธีกรรม เรียกขวัญเชิญวิญญาณตำรวจทั้ง 2 นาย เท่ากับเป็นการเรียกขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจ ทางหลวงกลับมาด้วย
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่าในคืนเกิดเหตุเลือดของสารวัตรแบงค์ ได้ติดไปกับตำรวจ 8-9 คนที่เข้าไปให้การช่วยเหลือ เชื่อว่า เลือดที่ติดไปจะช่วยเหลือตำรวจที่ให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ให้รอดพ้นจากข้อกฎหมายต่างๆ
ส่วนประเด็นที่ว่ามีการถอดปลั๊กกล้องวงจรปิด 2 ตัวสำคัญ ตั้งแต่ช่วงสายของวันเกิดเหตุนั้นเป็นการวางแผนไว้ก่อนหรือไม่นั้นพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า ตนเองไม่มีข้อสงสัยอะไรขอให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนในการหาข้อเท็จจริง โดย ตนเองรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ไม่สามารถพูดได้ ส่วนตัวเชื่อไม่ได้วางแผนเพื่อฆ่าสารวัตรแบงค์แน่นอน และยังบอกอีกว่า ตนเองเป็นคนไล่สอบปากคำทุกคนที่เกิดเหตุ และได้
เข้าพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงแรกและได้เห็นอะไรบางอย่าง ส่วนคำให้การของตำรวจบางนายที่อาจจะพูดไม่ตรงกัน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลที่จะพูด และเชื่อว่าในขณะเกิดเหตุตำรวจบางนายมีการพกปืนและไม่พกปืน แต่ที่สังคมสงสัยว่าทำไมตำรวจที่พกปืนถึงไม่ยิงสวนคนร้ายกลับไปนั้น มันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณและวุฒิภาวะของแต่ละคน
ส่วนฟางเส้นสุดท้ายที่ก่อเหตุ เป็นคำพูดของสารวัตรแบงค์ที่พูดกับกำนันนกว่า “กำนันสู้ผมไม่ได้” ซึ่งเป็นประโยคหลังจากการดวลเหล้าจากนั้นกำนันนกก็ลุกขึ้น ย้ายไปนั่งโต๊ะจีนอีกฝั่ง ผ่านไปเพียง 10 นาทีจึงเกิดเหตุยิงขึ้น
เปิดคำพูด สารวัตรแบงค์ ที่พูดกับ กำนันนก เป็นฟางเส้นสุดท้าย ก่อนโดนลั่นไก