ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกระแสโซเชียลออนไลน์พุ่งเป้าไปที่ “แม่ตั๊ก กรกนก” และ “ป๋าเบียร์ กานต์พล เรืองอร่าม” กรณีที่มีชาวเน็ตออกมาโพสต์พาดพิง
เนื่องจากไม่สามารถนำทองที่ซื้อมาจากร้านของ แม่ตั๊ก ไปขายที่ร้านทองอื่นได้ จนเกิดเป็นข้อครหาว่า เป็นทองปลอมหรือไม่ โดยเจ้าตัวได้ออกมายืนยันกลางรายการดังแล้วว่า ทองดังกล่าว ไม่ใช่ทองปลอม และตนนั้นจะรับซื้อกลับคืน ในราคาเดิม
นอกจากประเด็นเรื่องของ ทองออนไลน์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นทองปลอมแล้ว ยังมีเรื่องของ เพจเฟซบุ๊ก “โรสร้านทอง” ที่ได้ออกมาโพสต์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับธุรกิจและรายได้
ของบริษัท เลดี้คลับ จำกัด ซึ่งมี กานต์พล เรืองอร่าม และ หงส์ลดา เรืองอร่าม ซึ่งคาดว่าเป็นญาติของ เบียร์ สามีของตั๊
เป็นกรรมการบริษัทร่วมด้วย โดยกานต์พลเป็นผู้มีอำนาจลงนาม บริษัทนี้จดทะเบียนในปี 2563 และระบุว่าเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขายปลีกเครื่องสำอาง
เพจ “โรสร้านทอง” ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการทำรายได้มหาศาลจากสินค้าเพียงไม่กี่ชนิด โดยเฉพาะครีมกันแดดที่ไม่ได้มีการโปรโมทหรือวางขายในช่องทางทั่วไป
แม้จะคำนวณยอดขายจาก TikTok Shop ซึ่งเป็นช่องทางหลัก ก็ยังไม่สามารถอธิบายรายได้ที่สูงลิ่วนี้ได้
“ถ้าเอารายได้ทั้งหมด 4 ปี 751 ล้านบาทมานั่งคำนวณหารสินค้าที่ขาย 2 SKU นี้ ไม่รู้ว่ามีสินค้าอื่นอีกไหม แต่เคยเห็นขายอยู่แค่นี้ ถ้าเอาครีมกันแดดมาขายให้ได้ 751 ล้าน
ต้องขายกี่ขวด ก็เอา 751 ล้านหารราคาของ 129 บาท ก็เท่ากับว่าจะต้องขายครีมกันแดดให้ได้ถึง 5,821,705 ชิ้น บ้านไหนมีบ้างคะเนี่ยะเกือบ 6 ล้านชิ้น
แล้วถ้าเป็นสบู่ส้มต้องขายกี่ก้อน ก็คำนวณเหมือนเดิม ผลก็จะออกมาว่า ต้องขายให้ได้ 8,438,202 ก้อนถึงจะได้รายได้รวมกว่า 751 ล้านบาท แค่คิดคร่าว ๆ นะ”
เพจได้ตั้งคำถามว่า การขายครีมกันแดดเพียงตัวเดียวสามารถสร้างรายได้ขนาดนี้ได้อย่างไร เนื่องจากแบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้มีโฆษณาออกสื่อหรือวางขายตามร้านสะดวกซื้อ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการขายใน TikTok Shop ซึ่งเริ่มมีบทบาทในปี 2021
คาดการณ์ว่า ครีมกันแดดขายได้ประมาณ 2,088 ชิ้น ราคาชิ้นละ 129 บาท ซึ่งเท่ากับรายได้ 269,352 บาท และสบู่ส้มขายได้ 23,700 ชิ้น ราคา 89 บาท
ทำให้ได้รายได้ประมาณ 2.1 ล้านบาท แต่เมื่อนำมาคำนวณเทียบกับยอดขายรวมตลอด 4 ปี การขายครีมกันแดดและสบู่ในจำนวนดังกล่าวยังไม่สามารถอธิบายถึงรายได้มหาศาลที่บริษัททำได้
นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของตั๊ก เช่น การซื้อบ้าน รถ และนาฬิกาหรูราคาหลายล้านบาท
และการที่เบียร์ สามีของตั๊ก มีอำนาจเซ็นลงนามเพียงคนเดียวในบริษัท หากมีการเคลื่อนไหวทางการเงิน เบียร์จะต้องทราบว่ามีการใช้เงินไปในทางใด
เพจโรสตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า เหตุใดตั๊กจึงไม่ได้ใส่ชื่อตัวเองเป็นกรรมการบริษัท ทั้งที่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจ
และระบุว่าบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าจะเข้าใกล้การเป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของไทย ทั้งที่แบรนด์ของบริษัทไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
และอีกประเด็นที่ทางเพจต้องการอยากรู้คือ “เคทูเอ็น โกลด์” ร้านทองที่มี กานต์พล และ หงส์ลดา เป็นกรรมการเช่นเดียวกับ “เลดี้คลับ”
บริษัทนี้เปิดดำเนินการมาก่อน “เลดี้คลับ” 1 ปี และมีรายได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาทใน 5 ปี แต่มีกำไรสุทธิเพียง 13 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเพจโรสร้านท้องได้ตั้งข้อสงสัยถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจของร้านทองแห่งนี้ ที่ดูเหมือนจะไม่เปิดให้บริการตามปกติ และมีการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่กลับสามารถทำรายได้มหาศาล
จากนั้นโรสจึงได้แจงรายละเอียดงบประมาณบริษัท เลดี้คลับ ดังนี้ 1) ปีแรก มีรายได้ 13 ล้านบาท 2) ปี 64 รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 108 ล้านบาท
3) ปี 65 บริษัทโตมากขึ้น มีรายได้มากสุดคือ 428 ล้านบาท 4) ปี 66 มีรายได้ 202 ล้านบาท รวมรายได้ตลอด 4 ปี 751 ล้านบาท
