สืบนครบาล จับกุม “ครูจู้ 77 Musical” ครูสอนเปียโน เจ้าของโรงเรียนสอนดนตรีย่านพระโขนง หลังก่อเหตุอนาจารลูกศิษย์หญิง วัย 10 ปี มีแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด “ลงลิ้น” เหยื่อซ้ำยังบังคับใช้มือสไลด์หนอนให้ตนเองในห้องสอนเปียโน นานกว่า 5 เดือน น.1 สั่ง ผู้การจ๋อ จัดทัพ ส่ง “ชุดสืบสารวัตรแจ๊ะ” เร่งไล่ล่า ก่อนบุกรวบตัวได้คาโรงเรียนสอนดนตรี ชุดจับถึงกับผงะ ขณะเข้าไปตรวจค้นพบว่าหลังสอนดนตรีให้เด็กนักเรียนเสร็จแล้ว เจ้าตัวเปลื้องผ้านอนล่อนจ้อนไสลด์หนอนชาเขียวอยู่ภายในห้องนอน ขยายผลพบว่า ครูหื่นรายนี้ อยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” เชื่อว่ายังมีเหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียนถูกกระทำอนาจารอีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง
วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายวีระนันต์ เลิศปัญญาโรจน์ หรือครูจู้ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 580/163 ถ.อโศก – ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.481/2567 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม67
โดยกล่าวหาว่า “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” และถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น”
ตรวจยึดของกลาง จำนวน 6 รายการ
1.โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง
2.ipad จำนวน 1 เครื่อง
3.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง
(ของกลางรายการที่ 1 – 3 ตรวจสอบพบว่ามีคลิปลามกอนาจรเกี่ยวกับเด็ก จำนวนกว่า 1,000 คลิป)
4.ถุงยางอนามัย จำนวน 1 กล่อง
5.ยาคุมฉุกเฉิน จำนวน 1 กล่อง
6.เจลหล่อลื่น จำนวน 1 หลอด
(ของกลางรายการที่ 4 – 6 ตรวจพบภายในห้องสอนดนตรี ภายในโรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว)
จับกุมตัวได้ที่ โรงเรียนสอนดนตรี 77 Musical ถ.สุขุมวิท 77 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
พฤติการณ์กล่าวคือภัยร้ายของผู้ปกครอง ผู้ส่งบุตรหลานเรียนพิเศษดนตรีได้เกิดขึ้นใจกลางเมืองย่านพระโขนง ขณะที่ผู้เป็นแม่ นั่งรอลูกสาวตัวน้อย วัย 10 ขวบ ของเธอ เรียนพิเศษดนตรีเปียโน ที่โรงเรียนสอนดนตรี 77 Musical เป็นประจำตามปกติทุกวันศุกร์ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้เคียงกับโรงเรียน แต่ปรากฎว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอวิ่งมาหาเธอ ก่อนที่จะถึงเวลาเลิกเรียนตามปกติ ด้วยสภาพร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ปล่อยโฮน้ำตานองเต็มใบหน้า เธอตัดสินใจกอดเพื่อปลอบประโลมลูกสาวของเธอ ก่อนที่เด็กน้อยจะเริ่มเย็นลง และค่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือให้ผู้เป็นแม่ฟังว่า “ครูจู้ จับxxxหนู” ผู้เป็นแม่ถึงกับช็อคกับสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกสาว เธอตัดสินใจพากลับไปสงบใจที่บ้าน “ลูกสาวของเค้าต้องเจอกับอะไรมา” ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหัวเธอตลอดเวลาที่ขับรถ จนกระทั่งถึงบ้านพัก เธอค่อยๆ เริ่มกล่อมให้ลูกสาว จนเด็กน้อยพรั่งพรูเรื่องราวที่เธอต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาที่เรียนที่โรงเรียนนี้ แต่มันเกินกว่าที่เด็กคนนึงจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เลวร้ายนี้ เริ่มเมื่อประมาณ เดือน พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ผู้เป็นแม่หวังอยากให้ ลูกสาว มีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรี เธอตัดสินใจส่งลูกสาวเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรี 77 Musical ย่านพระโขนง เธอเดินตรงเข้าไปติดต่อภายในโรงเรียน และได้เจอเข้ากับ “ครูจู้ หรือ นายวีระนันต์ เลิศปัญญาโรจน์ ” เจ้าของโรงเรียนและเป็นครูผู้สอนเปียโน เขาเริ่มแนะนำตนเองว่า “เขาจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านดนตรีโดยเฉพาะ และได้ใบประกาศทางด้านเปียโน จากต่างประเทศ” พร้อมทั้งโชว์ใบประกาศให้ผู้เป็นแม่ได้ดู เธอได้เห็นแล้ว เชื่อได้โดยสนิทใจว่า “ครูคนนี้แหละ ที่จะสอนให้ลูกสาวของเธอเล่นเปียโนเก่งได้” ตบปากรับคำให้ลูกสาวของเธอเรียนกับ “ครูจู้” แบบตัวต่อตัว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เรื่อยมาจนถึง เดือน มกราคม 2567 สาวน้อยเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังว่า ขณะที่เธอกำลังนั่งเรียนเปียโนอยู่ตามปกติ “ครูจู้” เริ่มเดินเข้ามาชิดที่หลังเธอ จนเธอรู้สึกตัวได้ว่าเธอถูกเอา “จูจู้” ถูไถไปมา ข้างหลังเธอ แต่เธอบอกกับแม่ด้วยความไร้เดียงสา ว่าในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่ามันคือการทำอะไร แต่เธอถูกทำ “เช่นเดิม” แบบนี้ซ้ำๆ ทุกวันที่เธอไปเรียนเปียโน จนเหตุการณ์เริ่มหนักขึ้น เมื่อเริ่มเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่เธอไปนั่งเรียนเปียโนอยู่บนเก้าอี้เปียโนตามปกติ แต่ครั้งนี้หนักข้อ เมื่อ “ครูจู้”จับเธอนอนลงกับเก้าอี้เปียโน จากนั้น ได้ถลกกางเกงของเธอลง พร้อมกับใช้“ลิ้น” เลียไปที่อวัยวะเพศของเธออย่างโรคจิต เด็กสาวบอกกับผู้เป็นแม่ว่า ในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่าครูกำลังทำอะไรและเธอกำลังถูกทำอะไร จึงไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง จนวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 ขณะที่เธอนั่งเรียนเปียโน บรรเลงเพลงตามปกติ จู่ๆ “ครูจู้” ได้ดึงมือของเธอออกจากเปียโนล้วงเข้าไปจับหนอนชาเขียวในกางเกงของมัน และบอกกับเธอว่า “ถ้าหนูเอามือไปจับที่จูจู้ของครู จะทำให้ครูผ่อนคลายนะ” เธอเล่าว่าเธอกลัวมากที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงรีบชักมือออก แต่นั่น มันทำให้ ครูหื่นรายนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ผลักเธอลงนอนที่เก้าอี้เปียโน ก่อนจะควักเจ้าโลกออกมาถูไถไปที่กางเกงในของเด็กน้อย แต่ความเลวยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อมันใช้นิ้วแหย่ล่วงล้ำเข้าไปที่อวัยวะเพศของเธอ พร้อมกับถลก ดึงเสื้อของเธอขึ้น ก่อนจะใช้ปากดูดหัวนมของเธออย่างหื่นกาม เด็กสาวรวบรวมสติ ถีบไอ้หื่นล้มลงกับพื้น ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกจากโรงเรียนนรก เพื่อหนีกลับไปหาผู้เป็นแม่ของเธอที่นั่งรออยู่ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นแม่ได้ฟัง ผู้เป็นแม่ได้ฟังเสียงสั่นเครือจากลูกสาววัยใสของเธอ เล่าเรื่องราวความเลวร้ายที่เธอ เธอตัดสินใจพาลูกสาวของเธอขอความช่วยเหลือสืบนครบาล และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ “ครูหื่น”รายนี้ไว้แล้ว เรื่องราวทั้งหมดนี้ ถึงหู ของ “น.1” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งให้ “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การสืบนครบาล จัดทัพ ชุดสืบ “สารวัตรแจ๊ะ” เร่งติดตามไล่ล่าครูหื่นรายนี้มาดำเนินคดี ก่อนสืบทราบว่า ครูหื่นรายนี้ ยังเปิดโรงเรียนสอนดนตรีนรก รับสอนเด็กนักเรียน เพื่อหาเหยื่อรายใหม่อยู่ตามปกติ หากปล่อยให้ครูหื่นรายนี้ใช้ชีวิตเช่นเดิมตามปกติ ต้องมีเด็กสาวอีกนับไปถ้วนที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ชุดจับตัดสินใจ บุกเข้าไปภายในโรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว กระทั่งเข้าไปภายในห้องนอนของครูจู้ จนต้องถึงกับผงะ เมื่อพบว่า หลังจากพี่งสอนดนตรีให้เด็กสาวไปเสร็จหมาดๆ เจ้าตัวเปลื้องผ้านอนล่อนจ้อนสไลด์ปั้นหนอนอยู่ภายในห้องนอนก่อนถูกจับกุมได้ในที่สุด เจ้าตัวนำตรวจค้น จนพบว่า ภายในห้องสอนดนตรีที่เจ้าตัวใช้สำหรับสอนดนตรีให้กับเด็กนักเรียนตามปกติ มีถุงยางอนามัย, เจลหล่อลื่น และยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน วางตั้งหลาอยู่บนเปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง
ผู้การจ๋อสั่งการขยายผล จนพบว่า ครูหื่นรายนี้ จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” เมื่อชุดจับตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต และคอมพิวเตอร์ของ “ครูจู้” พบคลิปวิดีโอลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็ก จำนวนมากกว่า 1,000 คลิป อีกทั้งอาชญากรรายนี้ ยังมีพฤติกรรมแอบถ่ายเด็กนักเรียนสาวที่ตนเองสอน ในขณะใส่ชุดนักเรียน ส่งไปให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของมันดู แทบทุกวัน จนมีคำพูดประจำในกลุ่มนี้ว่า “เอาน้องมา เ-ด ที่บ้านหรอ”, “นักเรียนคนไหนขาย xxx เ-ดได ก็บอกนะครับ” ก่อนที่เจ้าตัวมักจะตอบกลับไปว่า “เวลามันทำอะไรไม่ระวังเลย ล้วงมือไปในเสื้อเกานม ล้วงกระโปรงเกา xxx” จากพฤติกรรมความระยำทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น เชื่อได้ว่ายังมีเหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียนถูกกระทำอนาจารอีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง
ในชั้นจับกุม นายวีระนันท์ฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “กระทำอนาจารฯ” แต่รับสารภาพในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกฯ” โดยให้การว่า “ตนเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาดนตรี ซึ่งตนมีความชอบทางด้านดนตรีมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เริ่มหัดเล่นเครื่องดนตรีต่างๆแทบทุกชนิดเรื่อยมา จนได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย สาขาวิชาดนตรี เมื่อเรียนจบ จึงได้มาเปิดโรงเรียนสอนดนตรีเป็นของตนเอง ซึ่งช่วงปีแรกที่ตนเปิดโรงเรียนนั้น จะใช้วิธีแจกใบปลิวให้คนในละแวกนั้น เพื่อหาเด็กนักเรียน ซึ่งตนใช้ระยะเวลาถึง 10 ปี กว่าจะเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนเรียนดนตรีย่านพระโขนง ปัจจุบันโรงเรียนสอนดนตรีของตนมีลูกศิษย์ประมาณ 30-40 คน ตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัยและในส่วนที่ตนถูกกล่าวหานั้น ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ามาเรียนเปียโนกับตนตามปกติ แต่ในวันดังกล่าวผู้เสียหายเล่นเปียโนไม่ตรง ตามจังหวะที่ตนสอน ตนจึงได้ใช้อารมณ์ต่อว่าด้วยความรุนแรง ซึ่งตนคิดว่าผู้เสียหาย อาจจะไม่พอใจตนและกุเรื่องขึ้นไปฟ้องผู้ปกครองว่าตนกระทำอนาจารและในส่วนของคลิปและรูปภาพในโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจ ตรวจเจอนั้น ยืนยันว่า ตนไม่เคยคิดไม่ดีกับเด็กและลูกศิษย์ เพียงแค่อยากอวดเพื่อนว่ามีลูกศิษย์สวยๆมาเรียนกับตน”
หลังจับกุมตัวได้ นำตัว นายวีระนันท์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานจากการสืบสวนแน่นหนา ประกอบกับผู้ต้องหารายนี้ว่า จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” มีความหมกหมุ่น และคลั่งใคล้ในเรือนร่างของเด็กสาววัยรุ่นจนเรียกได้ว่าเข้าขั้น “โรคจิต” ซึ่งการที่ผู้ต้องหารายนี้มีอาชีพสอนดนตรีให้กับเด็กนักเรียนทั่วไป และจะสอนเฉพาะในรูปแบบ “ตัวต่อตัว” โดยใช้ วุฒิการศึกษาของตนเป็นฉากบังหน้า ถือว่าเป็นภัยร้ายต่อสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ที่ต้องการส่งลูกหลานเรียนพิเศษเพิ่มความสามารถทางด้านดนตรี เป็นอย่างมาก เราจึงเชื่อว่ายังมีเด็กนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อ อีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง หรือไม่กล้าเข้าแจ้งความ ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านในสังคม และต้องการให้เด็กสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อได้รับความยุติธรรม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองที่เคยส่งบุตรหลานของท่านมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ โปรดสอบถามบุตรหลานของท่านว่าเคยถูกบุคคลดังกล่าวกระทำอนาจารหรือไม่ และหากผู้ใดเคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. “