มีกรณีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง (mkpang3036) โพสต์คลิปน้อง ก้าว เด็กชายวัย 12 ปียืนขายน้ำอย่างขมักเขม้น จนมีผู้ที่ติดตาม TikTok คนอื่นๆต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและติดตาม คลิปต่อๆมาซึ่งน้องก้าว ตั้งร้านน้ำยืนขายโดยจะมีขวดน้ำอัดลมซึ่งมีน้ำอัดลมหลากหลายชนิดไว้คอยบริการ โดยขายเพียงแก้วละ 5 บาท กับแก้วละ 10 บาทเท่านั้น พร้อมกันนี้ผู้ใช้ TikTok รายดังกล่าวยัง ได้นำเสื้อผ้าของลูกชายตัวเองมาให้กับน้องก้าวได้มีเสื้อผ้าใหม่ๆใส่ด้วย เพราะน้องก้าวใส่แต่ชุดเดิมซ้ำๆ สร้างความประทับใจในโลกโซเชียล ทั้งผู้ให้ผู้รับ
ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังผู้ใช้ TikTok รายดังกล่าว คือนางมณฑิชา คำภิบาล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 331 ม.4 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น พาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของน้องก้าว ซึ่งพักอาศัยอยู่กับคุณพ่อและคุณย่า โดยย่าป่วยเกี่ยวกับหูรูดมีปัญหา ต้องสวมใส่แพมเพิสตลอดเวลา และมีน้องก้าวคอยดูและในเวลาที่ คุณพ่อไปทำงาน และบางครั้งก็มีเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันถ้อยทีถ้อยอาศัยช่วยเหลือ น้องก้าวก็จะไปขายของ บางครั้งก็นอนอยู่ที่ตลาดไม่เปลี่ยนชุดเพื่อรอยกผักให้พ่อค้าแม่ค้าแลกค่าแรง 10 บาท 20 บาท
ซึ่งมีทางด้าน นางประภาพร ดรบัณฑิต รอง ปลัดเทศบาลตำบลหนองแก พร้อมด้วย นางอุทัยวรรณ ชมเชี่ยวชาญ หน.สำนักปลัด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และประธานชุมชน จะคอยมาดูแลตลอด และดูแลในทุกๆครอบครัว โดยทางประธานชุมชนบอกว่า ครอบครัวน้องก้าวจะอยู่กัน 3 คน มีพ่อ ลูก และย่า และฐานะจะค่อนข้างแร้นแค้น แต่ทางเทศบาลก็มีงบประมาณมาสร้างบ้านต่อเติมให้ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอคิวมาสร้างให้ ส่วนน้องเองไม่อยากเป็นภาระของพ่อกับย่า ซึ่งพ่อเป็นหลักเพียงคนเดียวที่รับจ้างทั่วไปหาเงินเลี้ยงทั้งครอบครัว ส่วนหนึ่งน้องเองค้าขายอยู่แล้ว ติดตามพ่อตลอดไปช่วยพ่อทำงาน มีความขยัน 2 ปีหลังเริ่มออกรับจ้างและขายของ ที่ผ่านมาจะมีญาติพี่น้อง และชาวบ้าน รวมทั้งหน่วยงานต่างๆเข้ามาช่วยเหลือดูแลไม่ให้น้องอยู่อย่างลำบาก
ขณะที่เด็กชายธีรนันท์ ราชวงศ์ ป.6 อายุ 12 หรือน้องก้าวบอกว่า อยากให้มีเงินค่ารักษาคุณย่า มีเงินซื้อแพมเพิสให้ย่า ส่วนตัวไม่อยากได้อะไร ขอแค่ย่าอยู่สุขสบายก็พอ ย่าป่วยตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็จะมีพ่อกับตนเองคอยดูแล บางครั้งพ่ออยู่บ้านก็จะดูแล ตนเองถ้าไม่ได้ออกไปขายของก็จะอยู่ดูแลยาย
ขณะที่ นาง มณฑิชา คำภิบาล อายุ 33 ปี ผู้โพสต์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองขายน้ำอยู่ที่สนามกีฬา ในโรงเรียนในหมู่บ้าน เห็นน้องเข็นรถขนน้ำอัดลมเข้ามาขาย ตนเองเห็นจึงไปซื้อโดยที่รถของน้องยังไม่จอดดี เพราะเห็นแล้วรู้สึกชอบเด็กขยัน จึงบอกน้องว่าเอา 2 แก้ว เดี๋ยวพี่ให้เงิน 100 บาท และชวนมาขายของด้วยกันในวันแรก แต่วันที่ 2 นั้น น้องไม่มาขายด้วยเลย และแทบจะไม่คุยด้วย เพราะหากไม่สนิทน้องก้าวจะไม่คุยด้วย ทีแรกไม่ได้คิดว่าจะมาช่วยอะไรขนาดนั้น คิดเพียงว่าช่วยน้องไปถ้าเงินทอนเหลือเยอะก็จะได้ไปซื้อขนม หรือซื้ออะไรกิน และพอมาเห็นบ้านน้องแล้วรู้สึกว่า ถ้าสิ่งไหนพอทำได้ก็อยากจะทำ พอลงในโซเชียลก็มีคนมาติดตามน้องและอยากจะมาช่วย พอเจอแบบนี้ก็อยากจะเป็นสะพานบุญให้น้อง
นอกจากนี้น้องก้าวจะตั้งใจหาเงิน มานอนรอที่หน้าตลาดหนองแก ไม่ไปไหน เพื่อที่จะรอตื่นมาตี 1 ตี 2 ช่วยพ่อค้าแม่ค้าขนผัก ยกของลงรถ พ่อค้าก็จะให้ 10 บาท 20 บาท หรือบางคนให้เยอะ 50 บาท น้องก้าวก็จะนำเงินเหล่านี้มาเป็นทุนไปซื้อของมาขาย ไม่ใช่แค่น้ำอัดลม น้องก้าวจะเลือกว่าจะขายอะไรแต่ละวัน เมื่อก่อนซื้อผักมาขาย พออากาศร้อนจึงเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลม ซึ่งน้องก้าวจะมีหัวการค้ามาก แล้วแต่ว่าน้องก้าวจะเลือกอะไรมาขายให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งตนเองไม่เคยแนะนำ มีแค่แนะนำเรื่องเงินให้เก็บไว้ธนาคารเพราะเป็นอันตราย และห้ามไปนอนเทศบาลอีก หากมีคนจับไปตัดแขนตัดขาจะทำยังไง น้องก้าวจึงเปลี่ยนใจมานอนที่บ้านของตนเอง ซึ่งตนเองจะคอยดูแล และคอยหาน้ำ ขนม กับข้าวให้กับกับลูกๆที่บ้าน จนสนิทกันแล้ว และมีอะไรก็จะให้ช่วยงานบ้านและให้ค่าแรงตอบแทน เพราะน้องก้าวจะเป็นคนที่ถ้าไม่ทำงานจะไม่เอาเงินจากใครฟรีๆ ต้องทำงานแลกเงินเท่านั้น แต่ทั้งนี้พ่อน้องก้าวไม่ใช่ไม่ดูแลน้อง แต่กลับบ้านมาตอนเย็นน้องก็ไปขายของแล้ว
นาง มณฑิชา คำภิบาล อายุ 33 ปี ผู้โพสต์บอกอีกว่า ก่อนที่จะเข้ามาเป็นสะพานบุญให้น้องก้าวนั้น เห็นน้องก้าวมานอนหน้าตลาดใส่สื้อผ้าชุดเดิมซ้ำๆ เป็นห่วงว่าไม่มีเสื้อผ้าอื่นใส่ จึงนำเสื้อผ้าของลูกชายมาให้ และตอนนี้น้องก้าวก็มีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่แล้ว อยากให้สังคมไทยตอนนี้แค่แบ่งปันก็พอ ตนเองก็เป็นแม่ค้าหาเงินใช้หนี้สินเหมือนกัน แต่อันไหนพอช่วยได้ก็ยินดีช่วยเหลือแบ่งปัน อย่างกรณีน้องก้าว เรามีโต๊ะที่บ้านที่ไม่ได้ใช้ก็เอามาให้น้องก้าวได้เอาไปตั้งขาย แทนการเข็นรถ ทำให้น้องก้าวดีใจบอกตนเองว่าฝันเป็นจริงแล้วมีโต๊ะไว้ขายของ ซึ่งมองเป็นเรื่องการแบ่งกันอบอุ่น น้องก้าวจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากการอยากไปขายของ วันแรกหลังรู้จักกันพาน้องมาที่บ้าน น้องก็มีแต่อยากจะไปขายของ ตนเองก็บอกให้กินข้าวทำนั่นทำนี่กับพี่ก่อน เพราะน้องติดนิสัยขายของถึง 4-5 ทุ่ม เพราะตลาดหนองแกจะอยู่ดึก ที่บ้านน้องก้าวจะมีรายได้จากพ่อคนเดียว ต้องรอเงินเดือน น้องจึงมีความคิดอยากหาเงินใช้เองไม่อยากขอพ่อ พอเริ่มมีคนรู้จักก็มีคนมาอุดหนุนซื้อมากขึ้น และจะเอาเงินให้พ่อตลอด ตนเองก็สอนว่าได้เงินมาก็เก็บไว้ และอย่าเก็บกับตัวมันอันตราย และให้เปิดบัญชี ธกส.ใกล้ๆบ้านเอาไว้แล้วเอาเงินไปเก็บ ตอนนี้น้องก้าวกลายเป็นเด็กในสังกัดแล้ว ตนเองก็มีการสอบถามข้อมูลหลายๆอย่าง ก็ชวนมาดูการ์ตูน เล่นเกมส์ ดูทีวี ดูหนัง ดูยูทูป เล่นของเล่น มากินข้าวที่บ้าน ซึ่งน้องก้าวก็มาทุกวันแต่จะทำงานแลกเงินเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี ที่เด็กอายุเพียง 12 ปีสามารถคิดดีได้ขนาดนี้ ไม่มีการเอาเปรียบใคร และจะขออนุญาตทุกครั้งถ้าจะทำอะไรแม้จะสั่งให้ทำก็ตาม น้องเป็นคนขี้เกรงใจมากๆ ตอนนี้นี้เพิ่งจะให้ใจตนเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครเลย อย่างน้อยต้องมีเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยน เพราะพ่อสอนเอาไว้
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหนองแกได้มีการเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการเรียนเพราะน้องก้าวกำลังขึ้นป.6 ในโรงเรียนเทศบาลหนองแก อยู่ระหว่างการรอสร้างบ้านให้กับน้องก้าว ได้อาศัยอยู่กับพ่อส่วนตัวและอยู่ใกล้กับคุณย่าเพื่อดูแลตามเดิม โดยทางคุณย่าได้มีการแบ่งล็อกไว้ให้แล้ว 4 ส่วนเป็นของญาติพี่น้องกันทั้งหมด ซึ่งในส่วนของน้องก้าวนั้นอยู่ระหว่างรอคิวสร้างหลังจากได้งบประมาณจากทาง พม.จ.ขอนแก่น มา 40,000 บาท พร้อมทั้งทางเทศบาลยังได้ประสานของทุนช่วยเหลือทุกปี ปีละ 3,000 บาทอีกด้วย และในอนาคตหลังจากมีผู้ใจบุญอยากมาช่วยเหลือเรื่องเงินและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เรื่องบัญชีอยากให้มี 3 ฝ่ายร่วมเปิดบัญชีรองรับการช่วยเหลือ ต้องเป็นการเปิดบัญชีแบบมีเงื่อนไข โดยจะมีผู้ถือกุญแจ 3 คน คือผู้ใหญ่บ้าน พ่อน้องก้าว และผู้นำชุมชนอีก 1 คน เพื่อยินยอมในการเบิก-ถอน โดยจะต้องมี 2 ใน 3 ยินยอมการเบิกถอนจึงจะสามารถเบิกจ่ายได้