หากจะพูดถึงดาราน้ำดี ทุกบทบาทที่ได้รับตีบทแตกกระจุย ติดดิน อารมณ์ศิลปินสูง รักธรรมชาติ และรักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ น้ำผึ้ง-ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ นักแสดงสาวสุดติสต์วัย 37 ปี จึงเป็นคนแรกที่นึกถึง
และด้วยความรัก หลงใหลเสน่ห์ธรรมชาติ บรรยากาศท้องถิ่นตามต่างจังหวัด ชอบวิถีชีวิตเรียบง่าย ปัจจุบันนี้เธอจึงเป็นเจ้าของไร่สวน ปลูกผัก ต้นไม้ พืชพรรณหลายชนิด อยู่ถึง 3 แห่ง ใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, จ.ตรัง และในกรุงเทพฯ พื้นที่ในบริเวณบ้านย่านลาดพร้าว ที่เธอพลิกฟื้นให้เป็นพื้นที่เกษตรในเมือง โดยเธอเรียกชื่อสวนของเธอทุกแห่งว่า การ์เด้น ออฟ พีซ (Garden of Peace) สวนแห่งสันติภาพ
“เกษตรกรรมเป็นพื้นฐานของบ้านเมืองเรา แผ่นดินไทยนี่เป็นเพชรเม็ดงามที่สุดเลยนะ โยนอะไรลงไปในดินพืชก็ขึ้น” คุณน้ำผึ้ง กล่าวถึงความวิเศษของแผ่นดินไทย
เลดี้แมเนเจอร์จึงขอสัมภาษณ์เพื่อฟังแนวคิดชีวิตการเป็นเกษตรกร ด่วน!
ซึบซับความเป็นธรรมชาติตั้งแต่วัยเด็ก
“น้ำผึ้งเชื่อในเรื่องชาติกำเนิด จริงๆ น้ำผึ้งเป็นคนลาว คุณแม่มีเชื้อสายลาวหลวงพระบาง วิถีชีวิตของคนลาวก็จะเรียบง่าย รักธรรมชาติ อย่างเวลาตักบาตรเสร็จจะต้องนำข้าวเหนียวไปไว้ริมรั้ว เพื่อทำทานให้หอยทากที่รั้วได้กินด้วย ความเรียบง่ายจึงอยู่ในดีเอ็นเอของน้ำผึ้งไปแล้ว” คุณน้ำผึ้ง เล่าถึงความเป็นมาในความติดดิน รักธรรมชาติ
“แต่สิ่งที่ทวีคูณขึ้นไปคือ ได้จากคุณแม่ เพราะคุณแม่ค่อนข้างจะอาร์ทติส รักต้นไม้ บ้านของเราที่ลาดพร้าวจึงมีต้นไม้เยอะกว่าบ้านอื่นมาก จึงได้อานิสงส์ตรงนี้ อย่างวันหยุดคุณแม่ก็จะขับรถพาไปทะเล เพื่อเอาน้ำทะเลนำมาใส่อ่างปลาเพื่อเลี้ยงปลาทะเล บ้านน้ำผึ้งจะมีญาติเยอะ คุณแม่ก็ซื้อแป้นบาสใหญ่มากมาให้ได้เล่นกัน มะม่วง หรือผลไม้ที่บ้าน ไม่ต้องเก็บมาเฉาะกินเลย เพราะเราจะปีนขึ้นไปเก็บบนต้นไม้กินเหมือนทาร์ซานเลย ชีวิตวัยเด็กจึงมีสิ่งแวดล้อมที่เหมือนต่างจังหวัด ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแต่อยู่ในกรุงเทพฯ”
หลงใหลวิถีเกษตรกร เจ้าของพื้นที่เกษตรกรรม 3 แห่ง
“หมดเงินไปกับการซื้อต้นไม้ การวิจัยในสวนตัวเอง ลงทุนตรงนี้ไปเยอะ เพราะเป็นความรู้ที่ติดตัวเรา และลูกหลาน ชอบชีวิตเกษตรกรมาก เวลาอยู่กับชาวไร่ ชาวสวน แล้วน้ำผึ้งรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเวลาอยู่กับธรรมชาติ และพยายามดึงกลุ่มเพื่อนไฮโซเข้ามาสัมผัสชีวิตแบบนี้ด้วยเช่นกัน
ช่วงแรกไปบุกเบิกสร้างอาณาจักรไร่สวนที่แม่แตง จ.เชียงใหม่ เลียบน้ำปิงนั้น ตอนนั้นไฟฟ้าก็ไม่มีนี้เองเลยนะ พยายามทำเองในช่วงแรก คนก็มาทักว่าทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวเดี๋ยวก็ตัวดำหรอก เราก็ยังไปเถียงเขาเลยนะ อยู่ใต้ฟ้าจะไปกลัวอะไรกับแดด ไม่ทาครีมกันแดดอะไรเลย สักพักตัวเริ่มดำเดินผ่านกระจกยังจำตัวเองไม่ได้เลย เราก็เลย โอเค เข้าสู่โหมดสายกลาง
ช่วงนั้นน้ำท่วมก็เลยถือโอกาสไปที่สวนด้วย นำพระอาจารย์หลวงตา ที่ท่านเคยเทศน์ให้น้ำผึ้งฟัง ท่านสอนเราอยู่ 6 ปี จากวัดสวนแก้วหนีน้ำท่วมไปด้วยซื้อบ้านสำเร็จรูปไว้ 2 หลัง เพื่อทำกุฏิ ให้ท่านได้จำวัด เราก็อยู่อีกฟาก สร้างบ้านชายคา ก็เป็นที่ของสงฆ์ในวาระหนึ่ง รวมทั้งยังเอากระต่ายไปเต็มรถเลย ทั้งที่แม่ก็ห้ามเข้าป่า แต่น้ำผึ้งก็เข้าไปกับเด็กผู้หญิงกะเหรี่ยงอีก 2 คน พร้อมปืนอีกกระบอก เราทำงานกับผู้ชายรอบตัว
หลักๆ ที่ปลูกคือ มะรุมเป็นส่วนใหญ่ มะกอกน้ำบ้าง กล้วยหอมทอง ผักเหือด คือตอนแรกก็ปลูกกระเทียมแต่ควายก็ลงไปนอนกินจนเป็นสปาควาย เลยไม่ได้ปลูกแล้ว มีควาย 2 ตัว มะเฟือง กับมะพร้าว 2 ตัวนี้เป็นควายแม่ลูก ไปซื้อมาจากตลาดซื้อขายควายเลย ตอนแรกมี 3 ตัว ชื่อมะนาว แต่ตายไปแล้ว ก่อนตายน้ำผึ้งก็ไปนอนเป็นเพื่อนด้วยในกระต๊อบควาย
ส่วนเรื่องการใช้สารเคมี ไม่มีแน่นอนในไร่สวนของเรา น้ำผึ้งชอบผักโบราณ ยารักษาโรคก็คือ ผักพื้นบ้านของเรานี่แหล่ะ คนโบราณที่เขากินผักบ้านๆ ดูสิอายุเฉลี่ยเขาเท่าไหร่ อายุร้อยกว่าปีทั้งนั้น บางทีเราก็ชอบเห่อของนอก ทั้งๆ ที่ของเราเองก็ดีอยู่แล้ว ส่วนบ้านที่ลาดพร้าว ก็ทำสวนเล็กๆ ปลูกพืชพรรณต่างๆ ก็พยายามศึกษาด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ
นอกจากนี้ มีที่ดินทำสวนทางภาคใต้ จ.ตรัง ทำร่วมกับพี่เป้(แฟนหนุ่ม)ด้วย อยากปลูกต้นไม้ พืชสมุนไพร ถ่ายทอดให้ความรู้จากพืชที่เรามีเพื่อเป็นวิทยาทาน จริงๆ อยากสวนมีไว้ทุกภาคของประเทศ
น้ำผึ้งชอบงานสาธารณกุศลจริง แต่ไม่สะดวกกับการทำมูลนิธิ เพราะตัวเองเป็นคนชอบท่องเที่ยว ฉะนั้นสิ่งที่น้ำผึ้งทำได้ก็คือ ให้ความรู้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของประเทศ ไปเที่ยวเมืองนอกก็ได้ แต่ข้อมูลที่น้ำผึ้งให้เป็นประโยชน์”
ความสุขที่แท้จริงคือความสงบในใจ ช่วยเหลือคนและสัตว์
“ช่วงนั้นอายุ 20 นิดๆ กำลังดัง ใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง ใช้ของแบรนด์เนม อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง สังคมเชิดชู มีชื่อเสียง แต่พอเราเป็นอย่างนั้นไปสักพัก เราก็เบื่อ รู้สึกไม่ใช่ความสุขจริง อย่างเวลาเราซื้อกระเป๋าใบนี้มา เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้วยังดูเก๋อยู่เลย แต่พอมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมา ของเราเลยดูด้อยลงไปเลย เราก็มีความรู้สึกอยากจะได้ใบใหม่ ไม่หยุด เราจึงเกิดความเบื่อ จึงมานั่งคิดว่าอะไรที่ Beyond Fashion ไปเลย ก็คือ ไม่ต้องตามแฟชั่น แต่ปัจจุบันนี้ก็ใช้แบรนด์เนมนะคะ แต่ไม่ต้องไปสุดโต่งขนาดที่ต้องตามซื้อทุกคอลเลคชั่นแล้ว ทุกอย่างต้องมีความพอดี
โชคดีมาเจอพี่เป้ ให้อ่านหนังสือท่านพุทธทาส พี่เป้บอกว่า เป็นธรรมะที่เป็นวิทยาศาสตร์ ท่านพุทธทาส เขียนไว้ว่า ถ้าพูดอย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะได้ลองรู้ด้วยตัวเอง เราจึงลองสักตั้ง จึงกลับมาเรื่องของความสงบในใจ และการช่วยเหลือคนอื่น เหมือนเราจะเสียนะ แต่สิ่งที่เราได้กลับมามันเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่มาก มันเปลี่ยนชีวิตคนๆหนึ่ง และเรารู้สึกว่าหนึ่งชีวิตของเราช่วยได้หลายชีวิตจังเลย ทำไมมันช่างวิเศษอย่างนี้ จากนั้นพอเราหันมาศึกษาธรรมะ ก็กลับมาสู่ธรรมชาติ ได้เดินทางบ่อย
น้ำผึ้งได้มีโอกาสทำบ้านให้สัตว์ป่าที่ถูกทิ้ง และบาดเจ็บ เราได้เห็นสัตว์ที่มันได้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้โดยมันไม่มองกลับมาหาเราอีกเลย มันดีใจมาก เป็นโครงการที่ชื่อว่า “ปันน้ำใจให้สัตว์ป่าที่ถูกทิ้ง” ถ้าเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เป็นอะไร ปกติสุขดี น้ำผึ้งไม่เอามาหรอก
น้ำผึ้งยอมรับตรงๆ เลยนะว่า เมื่อก่อนเคยมีคนจะเอาแมวมาให้ แต่มันสีไม่สวย ดำๆ ด่างๆ เราก็เคยปฏิเสธ แต่ปรากฏว่าพอเลี้ยงสัตว์มาเรื่อยๆ ถึงแม้กระทั่งขาเป๋ พิการ แต่เรากลับมองว่าเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่น่ารัก
อย่างพี่สาวน้ำผึ้งก็เอาเงินสองแสนมาทำกรงให้กระต่าย เขาบอกว่า ดีกว่าเอาไปช้อปปิ้ง นำไปสร้างกรงกระต่ายที่ค่ายทหารปืนใหญ่ลพบุรี แยกกรงชาย หญิง ใครต้องการเลี้ยงกระต่าย และใครที่คิดว่ากำลังจะไปซื้อ น้ำผึ้งขอเสนอ กระต่ายบริจาคที่โรงพยาบาลสัตว์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชลบุรี เรากำลังเปิดรับพ่อแม่อุปถัมภ์ฟรีค่ะแต่ขอสงวนสิทธิสำหรับผู้ที่จะนำไปเพาะพันธุ์ขาย เราต้องการคนรักจริงและพร้อมเลี้ยงจริงๆ
จากนั้นพอช่วยเหลือสัตว์ป่าแล้ว เราก็มาช่วยเหลือแมวจรจัด หมาจรจัด สัตว์พิการ กระต่ายที่นำมาจากห้องทดลอง ไถ่ชีวิตควาย น้ำผึ้งจึงตั้งโครงการ animal 2 Love ถ้าไม่ใช่สัตว์ป่าก็จะเป็นการช่วยเหลือจากโครงการนี้ ด้วยการทำสเปรย์เย็น ป้องกันยุง อโรม่าคนด้วย
น้ำผึ้งคิดค้นสูตรเองอยู่นาน 3 ปี ลองสูตรจนเสถียรจนกล้านำมาจำหน่ายได้เมื่อปีที่แล้ว เพราะผลิตภัณฑ์ของเราต้องนำมาฉีดกับคนที่เรารัก และสัตว์ที่เรารรัก วัตถุดิบต้องปลอดภัยแน่นอน
ทำมาจากส่วนผสมหลายชนิดที่มาจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะรุม ทีทรีออยล์ เปปเปอร์มินท์ เพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือโครงการ animal 2 Love นั่นเอง ”
ปัจจุบันคือชีวิตหลังเกษียณ
(ซ้าย)คุณน้ำผึ้งกับคุณเป้ และน้องน้ำชา (ขวา)คุณแม่และครอบครัว
“น้ำผึ้งทำงานหลายปีมากในวงการบันเทิง เก็บเงินเก็บทอง ซื้อสวนที่เราฝันไว้ แล้วเคยไปอยู่สวนแบบคนเกษียณ แต่พออยู่ไปได้สักพัก เราก็เบื่อ เอ๊ะนี่ อายุแค่ 30 กว่าเกษียณแล้วเหรอ ครอบครัวก็เรียกกลับมา มาปาร์ตี้ที่กรุงเทพฯกันดีกว่า มันก็สุข สงบนะ แต่เรายังไม่แก่ขนาดนั้น ลองมาทำอะไรสนุกกันดีกว่า
ลูกก็มีแล้ว เป็นลูกของพี่สาว ชื่อน้องน้ำชา น้ำผึ้งรักมากเหมือนลูกตัวเอง ส่วนวัตถุนอกกายก็ไม่ได้อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ทำ เน้นว่าทุกวันต้องมีความสุข เพราะตอนน้ำผึ้งทำงานหนักมันหนักมากจริงๆ ตอนนี้มีทุกอย่างแล้ว ชีวิตตอนนี้จึงสบายๆ มีแต่ความสุข
ความสุขของน้ำผึ้งตอนนี้ก็แค่เล่นโยคะใต้ต้นไม้ ลมเย็นๆ ได้วาดรูป ฟิน เล่นดนตรี ร้องเพลงให้ผู้ป่วยฟัง นี่ขนาดอายุเราก็ไม่ได้น้อยๆ เหมือนเด็กๆ นะ แต่เรากลับรู้สึกว่า อยากทำอะไรต่างๆ มากมาย คนเราขอให้มีสมอง พัฒนาได้ อย่าไปเอาทัศนคติแบบว่า เราทำไม่ได้ ความกลัว เหล่านี้ต้องฆ่าทิ้งให้ตายไม่งั้นเราจะไม่โต”
โยคะพาตัวเราออกมาจากกองขยะ
“เล่นโยคะเล่นมา 7 ปีแล้ว เล่นแบบสบายๆ ไม่ได้หนักมาก ครูคนแรกก็คือพี่เป้ อีกแล้ว เขาชวนเราไปในแต่สิ่งที่ดีๆตลอด ทำให้เราใจสูงขึ้น จากนั้นก็มาต่อยอดเอง ถ้าขี้เกียจก็นั่งเล่น นอนเล่น โยคะไม่จำเป็นต้องเป็นท่าสวย ถูกต้อง มันไม่มีถูกมีผิด มันเป็นการเหยียดยืดอยู่กับสติ อยู่กับการรู้สึกตัว โยคะไม่ใช่ยิมนาสติก หรือกายกรรม เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับลมหายใจ เกี่ยวกับความรู้สึกตัวภายใน ความสงบ มันมากกว่าได้สุขภาพ
ก่อนที่จะมาเล่นโยคะ จิตใจเราบางทีก็คิดขุ่นมัว เราไม่ใช่คนที่มีจิตใจใสปิ๊งอยู่ตลอดเวลา ความคิดขุ่นมัวที่โกรธ กลัว เป็นต้น แต่พอมาเล่นโยคะ ความคิดเหล่านั้นกลับหายไป เพราะเราไม่ต่อยอดความคิดไม่มีที่ทำให้ใจขุ่นมัวแล้ว เราอยู่กับสติและปัจจุบัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่น้ำผึ้งจะทำ Head stand โดยที่คิดมากอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ ต้องล้มแน่นอน โยคะทำให้เรานำตัวเองออกมาจากกองขยะที่เราสร้างขึ้นมา พอเรามารู้สึกตัวอีกที ปัญหาเหล่านั้นก็ช่างมันเถอะ โยคะไม่ว่าจะแก่ จะอ้วน ก็สามารถเล่นได้หมด โยคะอยู่ในตัวเรา ไม่จำเป็นต้องรอให้หุ่นดีก่อนค่อยมาเล่น
โยคะไม่ได้อยู่ที่เมื่อไหร่จะถึง แต่มันถึงเมื่อเราเริ่ม ท่าแรกของโยคะเลย ก็คือยืนตรงเฉยๆ เราเรียกท่านี้มาสัมมาทิฏฐิ คือต้องมีสติกับลมหายใจในปัจจุบัน แค่ยืนตรงๆก็คือโยคะแล้ว ความสุขมาจะเมื่อเราฝึกไปได้สักพักและปราศจากการบ่น ความพยายาม จะต้องทำท่านี้ให้ได้ เราแค่เล่นอยู่กับตัวเองก็พอ และเราจะมีความสุขกับการเล่นโยคะมากขึ้น”
นี่สิคะ สาวรักธรรมชาติตัวจริง!