วันที่ 6 มิ.ย. 2568 รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการเคลื่อนกำลังทหาร อาวุธหนัก เข้าพื้นที่ต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดกรณีแม่บ้านทหารกัมพูชาทำกิจกรรมบนปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จนมีการปะทะคารมระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา
ต่อมากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่พร้อมนำอาวุธเข้ามาประจำการต่อเนื่อง โดยมีกำลังพลประมาณกว่า 10,000 นาย แต่หลังเกิดเหตุปะทะช่องบก และทหารกัมพูชาได้เสียชีวิต ทางกัมพูชาได้เพิ่มกำลังทหารเข้ามาเสริมอีกกว่า 3,000 นาย ทำให้มีทหารกัมพูชา ที่อยู่ในพื้นที่ช่องบก กระจายอยู่ในพื้นที่ เนิน 745 เนิน 641 และตรงพื้นที่มอมเบย์ (ศาลาตรีมุข) จำนวนกว่า 12,000 นาย
โดยกำลังทหารกัมพูชาได้นำอาวุธหนักตั้งเต็มพื้นที่ชายแดนกัมพูชาจำนวนมาก เช่น
– เครื่องยิงจรวด 4 ลำกล้องติดตั้งบนรถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกจรวด 60 ลูก 1 คัน
– จรวดหลายลำกล้อง RM-70 ขนาด 122 มม.
– ปืนสั้น SH-1A ขนาด 155 มม.
– รถเรดาร์อุตุนิยมวิทยา 702D
– รถถังรุ่น T-55
– ปืนใหญ่ขนาด 130 มม. M-64
– ปืนใหญ่ขนาด 122 มม.
– ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 23 มม. ZU-23
– จรวดต่อสู้อากาศยานระดับเพดานต่ำ QW-3
– ปืนไร้แรงสะท้อนขนาด 82 มม.
– ปืน ค.60
– ปืนกลหนัก 12.7 มม.
– ปืนใหญ่ลากจูง ป.125 มม.TYPE-85 จากจีน
– ปืนใหญ่ลากจูง ป.อัตราจร ขนาด 155 มม. SH1A จากจีน
– เครื่องยิงลูกระเบิดกึ่งอัตโนมัติรุ่น LG-4 จากจีน
– จรวดหลายลำกล้อง BM-21 สหภาพโซเวียต